...
หมวดหมู่

6 กิ้งก่าและสัตว์เลื้อยคลานยอดฮิตในปี 2024 | สัตว์เลื้อยคลานเลี้ยงได้จริงหรือ?

6 กิ้งก่าและสัตว์เลื้อยคลานยอดฮิตในปี 2024 | สัตว์เลื้อยคลานเลี้ยงได้จริงหรือ?

กิ้งก่า
สัตว์เลื้อยคลานเลี้ยงได้จริงไหม? แล้วมีตัวไหนบ้างที่คนนิยมเลี้ยงวันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน!

การเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานเป็นเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรักสัตว์ในปัจจุบัน จากที่เคยเป็นสัตว์ที่ถูกมองว่าน่ากลัวหรือเป็นสัตว์ป่า สัตว์เลื้อยคลานได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักและน่าหลงใหลในสายตาของหลายๆ คน แต่การตัดสินใจเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรเพิกเฉย เพราะสัตว์เลื้อยคลานต้องการการดูแลเอาใจใส่ที่เฉพาะเจาะจง ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจด้วยกันว่าสัตว์เลื้อยคลานเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสมสำหรับทุกคนจริงหรือไม่? เราจะพูดถึงประเภทของสัตว์เลื้อยคลานที่นิยมเลี้ยง, ความต้องการในการดูแล, การจัดตู้เลี้ยง, และปัญหาสุขภาพที่อาจพบได้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น และเตรียมพร้อมที่จะรับสัตว์เลี้ยงแปลกใหม่เหล่านี้เข้าสู่ชีวิตอย่างเหมาะสม

1.Bearded Dragon: กิ้งก่ามังกรเครา
กิ้งก่า
Bearded Dragon (กิ้งก่ามังกรเครา) กิ้งก่าชนิดนี้เป็นที่นิยมเพราะมีนิสัยเชื่อง, ดูแลง่าย, และมีบุคลิกที่น่ารัก พวกมันต้องการแสง UVB เพื่อสุขภาพที่ดีและอาหารหลากหลายทั้งพืชและแมลง
ลักษณะทั่วไป
  • สายพันธุ์: พบได้หลายสายพันธุ์เช่น Pogona vitticeps, Pogona minor, แต่ที่นิยมเลี้ยงมากที่สุดคือ Pogona vitticeps
  • ขนาด: โตเต็มที่ประมาณ 18-24 นิ้ว (45-60 ซม.)
ลักษณะทางกายภาพ
  • สี: มีสีสันหลากหลาย ตั้งแต่สีน้ำตาล, สีส้ม, ไปจนถึงสีสว่างเมื่อตื่นเต้นหรือเครียด
  • ลักษณะเด่น: มี “เครา” ที่คอซึ่งสามารถพองตัวขึ้นเมื่อรู้สึกคุกคามหรือต้องการแสดงอาการต่อสู้หรือจีบคู่
พฤติกรรม
  • นิสัย: นิ่งสงบและเชื่อง เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลาน
  • อาหาร: กินทั้งพืชและสัตว์ (omnivore) อาหารหลักได้แก่ ผักใบเขียว, ผลไม้, และแมลงต่างๆ เช่น จิ้งหรีด, ตั๊กแตน
การดูแล
  • อุณหภูมิ: ต้องการอุณหภูมิระหว่าง 95-105°F (35-41°C) ในจุดที่ร้อนที่สุดของตู้เลี้ยง และ 75-85°F (24-29°C) ในจุดที่เย็นกว่า
  • การให้แสง: ต้องการแสง UVB เพื่อสังเคราะห์วิตามิน D3 ซึ่งช่วยในการดูดซึมแคลเซียม
  • การให้น้ำ: กิ้งก่ามังกรเคราจะดื่มน้ำผ่านทางทวารโดยการแช่น้ำ เดิมเป็นที่อาศัยอยู่ในทะเลทราบที่แห้งแล้ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้น้ำบ่อยๆ อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที ก็ถือว่าเพียงพอ
  • การตรวจสุขภาพ: ควรพาไปพบสัตวแพทย์เฉพาะทางเป็นประจำ
  • ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย: การขาดแคลเซียม (Metabolic Bone Disease), ปัญหาผิวหนัง, และการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
การเลี้ยงดู
  • ตู้เลี้ยง: ควรมีขนาดใหญ่พอสำหรับกิ้งก่าลูกปืนโตเต็มวัย มีพื้นที่ปีนป่ายและซ่อนตัว
  • ความสะอาด: ต้องทำความสะอาดตู้เลี้ยงเป็นประจำเพื่อป้องกันการติดเชื้อและรักษาสุขอนามัย
ถิ่นกำเนิด
  • บริเวณทะเลทรายและทุ่งหญ้าของรัฐควีนส์แลนด์
  • รัฐนิวเซาท์เวลส์
  • รัฐวิกตอเรีย
  • รัฐเซาท์ออสเตรเลีย
  • รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (แต่น้อยกว่า)
สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติของ Bearded Dragon มักจะเป็นพื้นที่ที่มีอากาศร้อนและแห้งแล้ง ซึ่งรวมถึง:

  • ทะเลทราย
  • ทุ่งหญ้าสะวันนา
  • พื้นที่ที่มีต้นไม้เตี้ยและพุ่มไม้
พวกมันชอบปีนป่ายและอาบแดดบนหินหรือกิ่งไม้เพื่อควบคุมอุณหภูมิร่างกาย ในธรรมชาติ, พวกมันกินอาหารที่หลากหลาย ทั้งแมลง, พืช, และบางครั้งก็กินผลไม้ เมื่อเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง กิ้งก่าลูกปืนจะต้องการสภาพแวดล้อมที่จำลองจากถิ่นกำเนิดของมันโดยการจัดตู้เลี้ยงที่มีแสง UVB, แหล่งความร้อน, และสภาพอากาศที่เหมาะสม
 
กิ้งก่าลูกปืนเป็นสัตว์เลี้ยงที่สามารถสร้างความสนุกสนานและความสุขให้กับเจ้าของได้มาก แต่การเลี้ยงดูที่ดีต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบและการเตรียมพร้อมที่เหมาะสม
2.Veil Chameleon
กิ้งก่า
Veil Chameleon เป็นสัตว์เลี้ยงที่ต้องมีทักษะในการดูแล, ต้องการความชื้นปานกลาง, และกินอาหารแมลงเป็นหลัก พวกมันมีลวดลายสวยงามและมีพฤติกรรมที่น่าสนใจ รู้จักกันในชื่อกิ้งก่าราพันเซล เนื่องจากเป็นสัตว์ชนิดเดียวกันกับในการ์ตูน Disney เรื่อง ราพันเซล นั้นเอง
ลักษณะทางกายภาพ
  • สีสัน: มีสีหลากหลายตั้งแต่สีเขียว, สีน้ำเงิน, ไปจนถึงสีส้มและเหลือง เปลี่ยนสีได้ตามสภาพแวดล้อม, อารมณ์, และการสื่อสารกับสัตว์ตัวอื่น
  • กระดูกคอ: มีกระดูกคอที่ยาวและโดดเด่น ทำให้มีลักษณะเฉพาะตัว
  • ขนาด: ตัวผู้โตเต็มที่ยาวได้ถึง 60 ซม. รวมถึงหาง ส่วนตัวเมียมีขนาดเล็กกว่า
ที่อยู่อาศัย
  • Veil Chameleon เป็นสัตว์ป่าที่พบได้ในภูมิภาคอาหรับ, โดยเฉพาะในเยเมนและซาอุดีอาระเบีย
  • ชอบอาศัยอยู่บนต้นไม้หรือพืชพรรณสูงในภูมิประเทศที่มีความชื้นต่ำถึงปานกลาง
การดูแลเป็นสัตว์เลี้ยง
  • ตู้เลี้ยง: ต้องการตู้ที่มีความสูงเพียงพอให้สามารถปีนป่ายได้, มีต้นไม้เทียมหรือจริง, และมีพื้นที่ให้ซ่อนตัว
  • อุณหภูมิและแสง: ต้องการอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง 24-35 องศาเซลเซียส และแสง UVB เพื่อช่วยในการสังเคราะห์วิตามิน D3 และการเปลี่ยนสี
  • อาหาร: กินแมลงเป็นหลัก เช่น จิ้งหรีด, ตัวต่อ, และอาจต้องการอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ
  • การให้น้ำ: การให้น้ำผ่านการพ่นละอองน้ำหรือการหยดน้ำบนใบไม้จะช่วยให้พวกมันได้ดื่มน้ำจากการดูดน้ำที่สะสมบนร่างกาย
พฤติกรรม
  • การสื่อสารด้วยสี: สามารถเปลี่ยนสีเพื่อแสดงอารมณ์, ความรู้สึก, หรือเพื่อการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
  • การจับคู่: ในฤดูผสมพันธุ์ ตัวผู้จะมีการเปลี่ยนสีอย่างเด่นชัดเพื่อดึงดูดตัวเมียหรือเพื่อแสดงความเป็นใหญ่กับตัวผู้อื่น
การเลี้ยงดู
  • การเลี้ยง Veil Chameleon ไม่ง่ายเท่ากับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น เนื่องจากมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจง จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องสุขภาพ, อาหาร, และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ถิ่นกำเนิด
  • คาบสมุทรอาหรับ: พบในประเทศเยเมนและประเทศซาอุดีอาระเบียตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่มีสภาพแวดล้อมที่หลากหลายตั้งแต่ป่าดิบชื้นไปจนถึงทะเลทรายและพื้นที่เขตร้อนกึ่งแห้งแล้ง
สภาพแวดล้อมธรรมชาติของเวลคาเมเลี่ยนจะมีลักษณะดังนี้:

  • ภูมิประเทศ: พวกมันสามารถพบได้ในพื้นที่ที่มีต้นไม้, พืชพรรณเขียวชอุ่ม, บริเวณใกล้แหล่งน้ำ, และบางครั้งก็พบในพื้นที่เกษตรกรรมที่มีต้นไม้ให้ปีน
  • สภาพอากาศ: อาณาเขตที่เวลคาเมเลี่ยนอาศัยอยู่มีสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งเป็นส่วนใหญ่, แต่ยังมีช่วงเวลาที่มีฝนตกเป็นระยะๆ ซึ่งสอดคล้องกับฤดูกาล
ในธรรมชาติ เวลคาเมเลี่ยนจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมโดยการเปลี่ยนสีเพื่อการอำพรางตัว, ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย, และการสื่อสารทางสังคม การเลี้ยงในบ้านจึงต้องจำลองสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับที่เป็นอยู่ในป่าดิบชื้นหรือทะเลทรายเพื่อให้สัตว์มีสุขภาพดี
 
การเลี้ยง Veil Chameleon เป็นสัตว์เลี้ยงจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายแต่ก็เต็มไปด้วยความน่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสัตว์เลื้อยคลานและพร้อมจะให้ความเอาใจใส่ในการดูแลอย่างถูกต้อง
3.Leopard Gecko: ตุ๊กแกเสือดาว
กิ้งก่า
ตุ๊กแกเสือดาวเป็นสัตว์ที่ดูแลง่าย, ไม่ต้องการความชื้นสูง, และกินอาหารแมลงเป็นหลัก พวกมันมีลวดลายสวยงามและมีพฤติกรรมที่น่าสนใจ ด้วยสีสันที่สวยงามจึงลดความน่ากลัวลงไป ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ที่ชื่นชอบในสัตว์เลื้อยคลานสีสันสวยงามหันมาเลี้ยงตุ๊กแกเสือดาวกันมากขึ้น
ความสวยงาม
  • ลวดลาย: ตุ๊กแกเสือดาวมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์คล้ายกับลายจุดของเสือดาว, ทำให้มันดูน่าสนใจและสวยงาม
การดูแล
  • ง่ายต่อการดูแล: เลี้ยงง่าย, ไม่ต้องการความชื้นสูงเหมือนกิ้งก่าชนิดอื่น ๆ
  • อุณหภูมิ: ต้องการอุณหภูมิเย็นกว่าสัตว์เลื้อยคลานส่วนใหญ่, ประมาณ 24-30 องศาเซลเซียสในช่วงกลางวัน
  • ไม่ต้องการแสง UVB: ต่างจากสัตว์เลื้อยคลานบางชนิด, ตุ๊กแกเสือดาวไม่จำเป็นต้องได้รับแสง UVB เพื่อการสังเคราะห์วิตามิน D3
อาหารการกิน
  • เน้นแมลง: ส่วนใหญ่กินแมลงเป็นอาหารหลัก, เช่น ตั๊กแตน, จิ้งหรีด, หนอนนก, และจิ้งหนู
  • การให้อาหาร: ควรให้อาหารขนาดพอเหมาะกับปากเลียด และไม่ควรให้อาหารที่ใหญ่เกินไป
พฤติกรรม
  • ค่อนข้างเชื่อง: ตุ๊กแกเสือดาวสามารถถูกฝึกให้เชื่องได้ง่าย, มีความอดทนในการจับและสัมผัส
  • กลางคืน: ตุ๊กแกเสือดาวเป็นสัตว์กลางคืน, จึงค่อนข้างกระตือรือร้นในช่วงกลางคืนและนอนหลับในช่วงกลางวัน
  • เนื่องจากดวงตาของตุ๊กแกเสือดาวแพ้แสงแดด จึงไม่จำเป็นต้องรับแสง UVB นั้นเอง
สุขภาพ
  • ปัญหาสุขภาพ: อาจเกิดปัญหาทางผิวหนัง, การขาดสารอาหาร, หรือปัญหาเกี่ยวกับการตกปลอกหาง
  • อายุขัย: สามารถมีอายุได้ยาวนานถึง 20 ปีหรือมากกว่านั้นหากได้รับการดูแลที่ดี
ถิ่นกำเนิด
  • มีถิ่นกำเนิดจากทวีปเอเชีย โดยพบได้บ่อยในพื้นที่ที่ราบทางตะวันตกของปากีสถาน, อัฟกานิสถาน, อินเดียตะวันตก, และบางส่วนของอิหร่าน พวกมันชอบอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้ง เช่น ทะเลทราย, พื้นที่ไร่นา, และพื้นที่ทุ่งหญ้าที่มีอากาศอบอุ่นถึงร้อน นอกจากนี้ เลียดจุดยังสามารถพบได้ในพื้นที่ชนบทและเมืองที่มีอุณหภูมิเหมาะสมและมีแหล่งอาหารอย่างแมลงเพียงพอ
  • ถิ่นกำเนิดที่หลากหลายทำให้พวกมันสามารถปรับตัวได้ดีกับสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างตู้เลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เลียดจุดเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงมาก เพราะสามารถดูแลได้ง่ายในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้ดี
การเลี้ยงตุ๊กแกเสือดาวจำเป็นต้องมีการเตรียมตู้เลี้ยงที่มีพื้นที่ปีนป่าย, กล่องซ่อนตัว, และพื้นที่ที่อุ่นเพื่อให้ตุ๊กแกเสือดาวสามารถควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้ดี ตุ๊กแกเสือดาวเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัดในการจัดตู้เลี้ยงและต้องการสัตว์ที่ไม่ซับซ้อนมากนักในการดูแล
4.Ball Python: งูบอลหรืองูหลาม
งู บอล
งูบอลมีขนาดพอเหมาะ, มีสีสันและลวดลายที่หลากหลาย, และมีพฤติกรรมที่สงบเสงี่ยม พวกมันต้องการความชื้นปานกลางและอุณหภูมิที่ควบคุม
งูหลาม (ฺBall Python)
  • ชื่อวิทยาศาสตร์: Python regius
  • ขนาด: งูบอลโตเต็มที่จะยาวประมาณ 3-5 ฟุต (ประมาณ 90-150 เซนติเมตร)

พฤติกรรม

  • งูบอลมีชื่อเสียงในเรื่องการม้วนตัวเป็นลูกบอลเมื่อรู้สึกหวาดกลัวหรือเครียด พวกมันมีนิสัยสงบเสงี่ยมและไม่ค่อยดุร้าย
  • พวกมันเป็นงูที่ชอบขดตัวเป็นก้อนกลมเมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “Ball Python” หรือ “งูบอล”
ถิ่นกำเนิด
  • แอฟริกาตะวันตก: พบในประเทศเช่น เซเนกัล, มาลี, บูร์กินาฟาโซ, ไนจีเรีย, ไนเจอร์, เบนิน, โตโก, กานา, โกตดิวัวร์, ลิเบีย, ซูดานใต้
  • แอฟริกากลาง: มีการกระจายพันธุ์ในป่าเปิด, ทุ่งหญ้า, และพื้นที่ป่าเบญจพรรณของแอฟริกากลางบางส่วน
  • งูบอลมักอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีพืชพันธุ์หนาแน่น, ในป่าที่มีความชื้นปานกลางถึงสูง ซึ่งให้ทั้งอาหารและที่หลบภัย 
การดูแล
  • อุณหภูมิ: อุณหภูมิกลางวันประมาณ 80-85°F (27-29°C) และมีจุดร้อนสำหรับการย่อยอาหารที่ประมาณ 90-95°F (32-35°C)
  • ความชื้น: ต้องการความชื้น 50-60%, แต่สำหรับการลอกคราบอาจต้องการความชื้นสูงกว่า
  • อาหาร: กินหนูหรือหนูตะเภาที่มีขนาดเหมาะสมกับตัวงู
 
งูหลาม (Burmese Python)
  • ชื่อวิทยาศาสตร์: Python bivittatus
  • ขนาด: งูหลามสามารถโตได้มากกว่า 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) และมีน้ำหนักเกิน 200 ปอนด์ (90 กิโลกรัม) ในสภาวะป่า
  • พฤติกรรม: งูหลามมีขนาดใหญ่กว่าและอาจแสดงพฤติกรรมดุร้ายได้มากกว่า พวกมันมีแนวโน้มที่จะเป็นสัตว์ที่ดูแลยากกว่าสำหรับคนทั่วไป

การดูแล

  • อุณหภูมิ: ต้องการอุณหภูมิกลางวันประมาณ 80-85°F (27-29°C) และจุดร้อนที่ 90-95°F (32-35°C)
  • ความชื้น: ความชื้นในตู้เลี้ยงควรอยู่ระหว่าง 50-70%
  • อาหาร: กินสัตว์ขนาดใหญ่ขึ้นได้เมื่อโตเต็มที่, เช่น หนูตะเภา, กระต่าย, หรือแม้แต่สัตว์ขนาดใหญ่อื่นๆ
จุดเด่นเพิ่มเติม
  • งูบอล: มีสีสันและลวดลายที่หลากหลายจากการผสมพันธุ์ในการเลี้ยง, เป็นที่นิยมในหมู่ผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพราะดูแลง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น
  • งูหลาม: การเลี้ยงจำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจมากกว่าเนื่องจากขนาดที่ใหญ่และความต้องการพื้นที่ในการอยู่อาศัย, กฎหมายในบางประเทศอาจจำกัดการเลี้ยงงูขนาดใหญ่เช่นนี้
การเลือกเลี้ยงงูควรคำนึงถึงความสามารถในการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม, การเตรียมพร้อมรับมือกับขนาดที่โตเต็มที่ของงู, และความเข้าใจในพฤติกรรมของงูแต่ละชนิดด้วย
5.Green Iguana: กิ้งก่าอิกัวน่าเขียว
กิ้งก่า
กิ้งก่าเขียวอิกัวน่าต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่และมีความต้องการด้านสภาพแวดล้อมสูง, แต่ด้วยความสวยงามและความฉลาด ทำให้หลายคนยอมเสียสละเวลาและความพยายามในการดูแล

ลักษณะทางกายภาพ:

  • มีสีเขียวเด่นชัด, บางครั้งอาจมีสีสันอื่นผสมอยู่เช่น สีน้ำตาลหรือสีน้ำเงิน
  • มีเหนี่ยงหรือแผ่นหนังใต้คางที่สามารถขยายใหญ่ขึ้นได้เมื่อรู้สึกขู่หรือต้องการสื่อสาร
  • มีแผงหนามตั้งแต่คอไปจนถึงหาง
  • ขนาดโตเต็มวัยสามารถยาวได้ถึง 1.5 เมตรหรือมากกว่า โดยที่ตัวผู้มักจะใหญ่กว่าตัวเมีย
พฤติกรรม:
  • เป็นสัตว์ที่ชอบปีนป่ายและอาศัยอยู่บนต้นไม้สูง
  • เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังสายพันธุ์ที่เลือดเย็น จึงต้องการแสงแดดเพื่อควบคุมอุณหภูมิร่างกาย
  • อาหารหลักคือพืช, ใบไม้, ดอกไม้ และผลไม้ แต่ก็อาจกินแมลงหรือสัตว์เล็กๆ ได้เมื่อยังเด็ก

การดูแลเป็นสัตว์เลี้ยง:

  • ต้องการกรงหรือตู้เลี้ยงขนาดใหญ่ที่มีระบบการปีนป่าย
  • ความชื้นในตู้เลี้ยงต้องสูง เพราะจิ้งเหลนเขียวมาจากถิ่นที่อยู่อาศัยที่มีความชื้นสูง
  • ต้องการแสง UVB และ UVA เพื่อการสังเคราะห์วิตามิน D3 สำหรับสุขภาพกระดูก
  • มีความต้องการอาหารที่หลากหลายและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย:

  • การขาดแคลเซียมหรือวิตามิน D3 ทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อน (Metabolic Bone Disease)
  • ปัญหาทางเดินหายใจจากความชื้นที่ไม่เหมาะสม
  • ปัญหาทางผิวหนังจากการขาดความชื้นหรือการติดเชื้อ

ความนิยม:

  • เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความสวยงาม, มีสายพันธุ์ที่หลากหลายให้เลือก แต่ก็ต้องการการดูแลที่เข้มข้นและความรู้ในการเลี้ยงดูที่มาก

ถิ่นกำเนิด

  • เม็กซิโก: ทางตอนใต้ของประเทศ
  • อเมริกากลาง: รวมถึงประเทศเช่น กัวเตมาลา, เบลีซ, ฮอนดูรัส, นิการากัว, คอสตาริกา, ปานามา
  • แคริบเบียน: พบทั่วไปในหมู่เกาะต่างๆ เช่น ปวยร์โตรีโก, หมู่เกาะเวอร์จิน, คิวบา, จาไมก้า, ฮิสปานิโอลา (แบ่งปันระหว่างเฮติและสาธารณรัฐโดมินิกัน), และอื่นๆ อีกมากมาย
  • อเมริกาใต้: พบได้ในหลายประเทศ รวมถึง โคลอมเบีย, เวเนซุเอลา, กายอานา, ซูรินาม, เฟรนช์เกียนา, เอกวาดอร์, เปรู, โบลิเวีย, ปารากวัย, บราซิล, อาร์เจนตินา
ถิ่นกำเนิดของอีกัวนาสีเขียวนั้นครอบคลุมทั้งป่าดิบชื้น, ป่ากึ่งเขตร้อน, ป่าไม้เตี้ย, และบางครั้งก็รวมถึงพื้นที่เกษตรกรรมที่มีต้นไม้ใหญ่หรือต้นไม้เล็กๆ ที่พวกมันสามารถปีนขึ้นไปได้ อีกัวนาสีเขียวนิยมอาศัยอยู่ตามต้นไม้สูงเพื่อบากแดดและหนีจากผู้ล่า และยังลงมาหาอาหารจากพืชพันธุ์ต่างๆ หรือในบางครั้งก็กินสัตว์ขนาดเล็กเช่นแมลงหรือสัตว์น้ำเมื่อยังเป็นวัยอ่อน

กิ้งก่าอิกัวน่าเขียวเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่าสนใจแต่ต้องการการดูแลอย่างเหมาะสมเพื่อให้มันมีสุขภาพดีและมีชีวิตที่ยืนยาวในการเป็นสัตว์เลี้ยง

6.Sulcata Tortoise: เต่าบกชูคาต้า
เต่า บก
เต่าชนิดนี้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ชอบสัตว์เลี้ยงที่ดูแลง่าย, มีอายุยืน, และไม่ต้องการการดูแลเชิงรุกมากนัก เต่าบกชูคาต้าต้องการพื้นที่กลางแจ้งและอาหารจากพืชเป็นหลัก
ลักษณะทั่วไปของเต่าชูคาต้า:
  • ชื่อวิทยาศาสตร์: Trachemys scripta elegans
  • ลักษณะภายนอก: เต่าชูคาต้ามีลวดลายสวยงามบนเปลือก และมีเปลือกที่มีสีเหลืองและลายเส้นที่โดดเด่น
  • ขนาด: เมื่อโตเต็มที่ อาจมีขนาดเปลือกยาวประมาณ 20-30 ซม.
การดูแลและสภาพแวดล้อม:
  • ตู้เลี้ยง: ต้องการตู้เลี้ยงขนาดใหญ่ที่มีน้ำและพื้นที่ตากแดด ควรมีพื้นที่ให้เต่าขึ้นมาอาบแดดเพื่อสุขภาพกระดูกและเปลือก
  • แสงสว่าง: ต้องการแสง UVB เพื่อสังเคราะห์วิตามิน D3 ซึ่งสำคัญต่อการดูดซึมแคลเซียม
  • อุณหภูมิ: น้ำควรอยู่ที่ประมาณ 24-26 องศาเซลเซียส และบริเวณอาบแดดควรอยู่ที่ 29-32 องศาเซลเซียส
  • อาหาร: เป็นสัตว์กินพืช, อาหารรวมถึงผัก, ผลไม้, และอาหารเม็ดสำหรับเต่าน้ำจืด
สุขภาพ:
  • ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย: ปัญหาเกี่ยวกับเปลือก, โรคทางเดินหายใจ, การขาดแคลเซียมที่อาจนำไปสู่โรคกระดูกอ่อน
ความนิยม:
  • เต่าชูคาต้าเป็นสัตว์เลี้ยงที่นิยมเพราะมีราคาไม่แพง, ความน่ารัก, และสามารถดูแลได้ง่ายหากมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเลี้ยงเต่า
ถิ่นกำเนิด
  • ซาเฮล (Sahel): ซึ่งเป็นแถบดินแดนกึ่งแห้งแล้งที่ทอดตัวอยู่ทางใต้ของทะเลทรายซาฮารา
เต่าซูลคาต้าสามารถพบได้ในหลายประเทศที่อยู่ในบริเวณนี้ เช่น:

  • เซเนกัล
  • มาลี
  • บูร์กินาฟาโซ
  • ไนจีเรีย
  • นิเจอร์
  • ชาด
  • ซูดาน
  • เอธิโอเปีย
  • เอริเทรีย
ถิ่นกำเนิดของพวกมันคือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมแห้งแล้ง, มีหญ้าสั้นๆ และพืชพรรณทะเลทราย ซึ่งสอดคล้องกับนิสัยการขุดรูของเต่าซูลคาต้าซึ่งต้องการหลบร้อนและหาที่หลบภัยในเวลากลางวัน
 
การเลี้ยงเต่าชูคาต้าต้องมีความรับผิดชอบและความเข้าใจในการดูแลที่เหมาะสม เพื่อให้เต่ามีสุขภาพดีและมีชีวิตยืนยาว
pet shop near me
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หน้าร้าน

ตลาดสัตว์เลี้ยง สวนบวกหาด 63/19 ห้อง8
ถนนอารักษ์ ต.พระสิงห์ อ.เมือง
จ.เชียงใหม่ 50200
Tel.084-8047286
เวลาทำการ: 09:00 – 20:30 น.

ช่องทางการติดตามพวกเรา!