สัตว์เลื้อยคลานเลี้ยงได้จริงไหม? แล้วมีตัวไหนบ้างที่คนนิยมเลี้ยงวันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน!
การเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานเป็นเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรักสัตว์ในปัจจุบัน จากที่เคยเป็นสัตว์ที่ถูกมองว่าน่ากลัวหรือเป็นสัตว์ป่า สัตว์เลื้อยคลานได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักและน่าหลงใหลในสายตาของหลายๆ คน แต่การตัดสินใจเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรเพิกเฉย เพราะสัตว์เลื้อยคลานต้องการการดูแลเอาใจใส่ที่เฉพาะเจาะจง ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจด้วยกันว่าสัตว์เลื้อยคลานเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสมสำหรับทุกคนจริงหรือไม่? เราจะพูดถึงประเภทของสัตว์เลื้อยคลานที่นิยมเลี้ยง, ความต้องการในการดูแล, การจัดตู้เลี้ยง, และปัญหาสุขภาพที่อาจพบได้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น และเตรียมพร้อมที่จะรับสัตว์เลี้ยงแปลกใหม่เหล่านี้เข้าสู่ชีวิตอย่างเหมาะสม
1.Bearded Dragon: กิ้งก่ามังกรเครา
- สายพันธุ์: พบได้หลายสายพันธุ์เช่น Pogona vitticeps, Pogona minor, แต่ที่นิยมเลี้ยงมากที่สุดคือ Pogona vitticeps
- ขนาด: โตเต็มที่ประมาณ 18-24 นิ้ว (45-60 ซม.)
- สี: มีสีสันหลากหลาย ตั้งแต่สีน้ำตาล, สีส้ม, ไปจนถึงสีสว่างเมื่อตื่นเต้นหรือเครียด
- ลักษณะเด่น: มี “เครา” ที่คอซึ่งสามารถพองตัวขึ้นเมื่อรู้สึกคุกคามหรือต้องการแสดงอาการต่อสู้หรือจีบคู่
- นิสัย: นิ่งสงบและเชื่อง เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลาน
- อาหาร: กินทั้งพืชและสัตว์ (omnivore) อาหารหลักได้แก่ ผักใบเขียว, ผลไม้, และแมลงต่างๆ เช่น จิ้งหรีด, ตั๊กแตน
- อุณหภูมิ: ต้องการอุณหภูมิระหว่าง 95-105°F (35-41°C) ในจุดที่ร้อนที่สุดของตู้เลี้ยง และ 75-85°F (24-29°C) ในจุดที่เย็นกว่า
- การให้แสง: ต้องการแสง UVB เพื่อสังเคราะห์วิตามิน D3 ซึ่งช่วยในการดูดซึมแคลเซียม
- การให้น้ำ: กิ้งก่ามังกรเคราจะดื่มน้ำผ่านทางทวารโดยการแช่น้ำ เดิมเป็นที่อาศัยอยู่ในทะเลทราบที่แห้งแล้ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้น้ำบ่อยๆ อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที ก็ถือว่าเพียงพอ
- การตรวจสุขภาพ: ควรพาไปพบสัตวแพทย์เฉพาะทางเป็นประจำ
- ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย: การขาดแคลเซียม (Metabolic Bone Disease), ปัญหาผิวหนัง, และการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
- ตู้เลี้ยง: ควรมีขนาดใหญ่พอสำหรับกิ้งก่าลูกปืนโตเต็มวัย มีพื้นที่ปีนป่ายและซ่อนตัว
- ความสะอาด: ต้องทำความสะอาดตู้เลี้ยงเป็นประจำเพื่อป้องกันการติดเชื้อและรักษาสุขอนามัย
- บริเวณทะเลทรายและทุ่งหญ้าของรัฐควีนส์แลนด์
- รัฐนิวเซาท์เวลส์
- รัฐวิกตอเรีย
- รัฐเซาท์ออสเตรเลีย
- รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (แต่น้อยกว่า)
- ทะเลทราย
- ทุ่งหญ้าสะวันนา
- พื้นที่ที่มีต้นไม้เตี้ยและพุ่มไม้
2.Veil Chameleon
- สีสัน: มีสีหลากหลายตั้งแต่สีเขียว, สีน้ำเงิน, ไปจนถึงสีส้มและเหลือง เปลี่ยนสีได้ตามสภาพแวดล้อม, อารมณ์, และการสื่อสารกับสัตว์ตัวอื่น
- กระดูกคอ: มีกระดูกคอที่ยาวและโดดเด่น ทำให้มีลักษณะเฉพาะตัว
- ขนาด: ตัวผู้โตเต็มที่ยาวได้ถึง 60 ซม. รวมถึงหาง ส่วนตัวเมียมีขนาดเล็กกว่า
- Veil Chameleon เป็นสัตว์ป่าที่พบได้ในภูมิภาคอาหรับ, โดยเฉพาะในเยเมนและซาอุดีอาระเบีย
- ชอบอาศัยอยู่บนต้นไม้หรือพืชพรรณสูงในภูมิประเทศที่มีความชื้นต่ำถึงปานกลาง
- ตู้เลี้ยง: ต้องการตู้ที่มีความสูงเพียงพอให้สามารถปีนป่ายได้, มีต้นไม้เทียมหรือจริง, และมีพื้นที่ให้ซ่อนตัว
- อุณหภูมิและแสง: ต้องการอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง 24-35 องศาเซลเซียส และแสง UVB เพื่อช่วยในการสังเคราะห์วิตามิน D3 และการเปลี่ยนสี
- อาหาร: กินแมลงเป็นหลัก เช่น จิ้งหรีด, ตัวต่อ, และอาจต้องการอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ
- การให้น้ำ: การให้น้ำผ่านการพ่นละอองน้ำหรือการหยดน้ำบนใบไม้จะช่วยให้พวกมันได้ดื่มน้ำจากการดูดน้ำที่สะสมบนร่างกาย
- การสื่อสารด้วยสี: สามารถเปลี่ยนสีเพื่อแสดงอารมณ์, ความรู้สึก, หรือเพื่อการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
- การจับคู่: ในฤดูผสมพันธุ์ ตัวผู้จะมีการเปลี่ยนสีอย่างเด่นชัดเพื่อดึงดูดตัวเมียหรือเพื่อแสดงความเป็นใหญ่กับตัวผู้อื่น
- การเลี้ยง Veil Chameleon ไม่ง่ายเท่ากับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น เนื่องจากมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจง จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องสุขภาพ, อาหาร, และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
- คาบสมุทรอาหรับ: พบในประเทศเยเมนและประเทศซาอุดีอาระเบียตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่มีสภาพแวดล้อมที่หลากหลายตั้งแต่ป่าดิบชื้นไปจนถึงทะเลทรายและพื้นที่เขตร้อนกึ่งแห้งแล้ง
- ภูมิประเทศ: พวกมันสามารถพบได้ในพื้นที่ที่มีต้นไม้, พืชพรรณเขียวชอุ่ม, บริเวณใกล้แหล่งน้ำ, และบางครั้งก็พบในพื้นที่เกษตรกรรมที่มีต้นไม้ให้ปีน
- สภาพอากาศ: อาณาเขตที่เวลคาเมเลี่ยนอาศัยอยู่มีสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งเป็นส่วนใหญ่, แต่ยังมีช่วงเวลาที่มีฝนตกเป็นระยะๆ ซึ่งสอดคล้องกับฤดูกาล
3.Leopard Gecko: ตุ๊กแกเสือดาว
- ลวดลาย: ตุ๊กแกเสือดาวมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์คล้ายกับลายจุดของเสือดาว, ทำให้มันดูน่าสนใจและสวยงาม
- ง่ายต่อการดูแล: เลี้ยงง่าย, ไม่ต้องการความชื้นสูงเหมือนกิ้งก่าชนิดอื่น ๆ
- อุณหภูมิ: ต้องการอุณหภูมิเย็นกว่าสัตว์เลื้อยคลานส่วนใหญ่, ประมาณ 24-30 องศาเซลเซียสในช่วงกลางวัน
- ไม่ต้องการแสง UVB: ต่างจากสัตว์เลื้อยคลานบางชนิด, ตุ๊กแกเสือดาวไม่จำเป็นต้องได้รับแสง UVB เพื่อการสังเคราะห์วิตามิน D3
- เน้นแมลง: ส่วนใหญ่กินแมลงเป็นอาหารหลัก, เช่น ตั๊กแตน, จิ้งหรีด, หนอนนก, และจิ้งหนู
- การให้อาหาร: ควรให้อาหารขนาดพอเหมาะกับปากเลียด และไม่ควรให้อาหารที่ใหญ่เกินไป
- ค่อนข้างเชื่อง: ตุ๊กแกเสือดาวสามารถถูกฝึกให้เชื่องได้ง่าย, มีความอดทนในการจับและสัมผัส
- กลางคืน: ตุ๊กแกเสือดาวเป็นสัตว์กลางคืน, จึงค่อนข้างกระตือรือร้นในช่วงกลางคืนและนอนหลับในช่วงกลางวัน
- เนื่องจากดวงตาของตุ๊กแกเสือดาวแพ้แสงแดด จึงไม่จำเป็นต้องรับแสง UVB นั้นเอง
- ปัญหาสุขภาพ: อาจเกิดปัญหาทางผิวหนัง, การขาดสารอาหาร, หรือปัญหาเกี่ยวกับการตกปลอกหาง
- อายุขัย: สามารถมีอายุได้ยาวนานถึง 20 ปีหรือมากกว่านั้นหากได้รับการดูแลที่ดี
- มีถิ่นกำเนิดจากทวีปเอเชีย โดยพบได้บ่อยในพื้นที่ที่ราบทางตะวันตกของปากีสถาน, อัฟกานิสถาน, อินเดียตะวันตก, และบางส่วนของอิหร่าน พวกมันชอบอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้ง เช่น ทะเลทราย, พื้นที่ไร่นา, และพื้นที่ทุ่งหญ้าที่มีอากาศอบอุ่นถึงร้อน นอกจากนี้ เลียดจุดยังสามารถพบได้ในพื้นที่ชนบทและเมืองที่มีอุณหภูมิเหมาะสมและมีแหล่งอาหารอย่างแมลงเพียงพอ
- ถิ่นกำเนิดที่หลากหลายทำให้พวกมันสามารถปรับตัวได้ดีกับสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างตู้เลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เลียดจุดเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงมาก เพราะสามารถดูแลได้ง่ายในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้ดี
4.Ball Python: งูบอลหรืองูหลาม
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Python regius
- ขนาด: งูบอลโตเต็มที่จะยาวประมาณ 3-5 ฟุต (ประมาณ 90-150 เซนติเมตร)
พฤติกรรม
- งูบอลมีชื่อเสียงในเรื่องการม้วนตัวเป็นลูกบอลเมื่อรู้สึกหวาดกลัวหรือเครียด พวกมันมีนิสัยสงบเสงี่ยมและไม่ค่อยดุร้าย
- พวกมันเป็นงูที่ชอบขดตัวเป็นก้อนกลมเมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “Ball Python” หรือ “งูบอล”
- แอฟริกาตะวันตก: พบในประเทศเช่น เซเนกัล, มาลี, บูร์กินาฟาโซ, ไนจีเรีย, ไนเจอร์, เบนิน, โตโก, กานา, โกตดิวัวร์, ลิเบีย, ซูดานใต้
- แอฟริกากลาง: มีการกระจายพันธุ์ในป่าเปิด, ทุ่งหญ้า, และพื้นที่ป่าเบญจพรรณของแอฟริกากลางบางส่วน
- งูบอลมักอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีพืชพันธุ์หนาแน่น, ในป่าที่มีความชื้นปานกลางถึงสูง ซึ่งให้ทั้งอาหารและที่หลบภัย
- อุณหภูมิ: อุณหภูมิกลางวันประมาณ 80-85°F (27-29°C) และมีจุดร้อนสำหรับการย่อยอาหารที่ประมาณ 90-95°F (32-35°C)
- ความชื้น: ต้องการความชื้น 50-60%, แต่สำหรับการลอกคราบอาจต้องการความชื้นสูงกว่า
- อาหาร: กินหนูหรือหนูตะเภาที่มีขนาดเหมาะสมกับตัวงู
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Python bivittatus
- ขนาด: งูหลามสามารถโตได้มากกว่า 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) และมีน้ำหนักเกิน 200 ปอนด์ (90 กิโลกรัม) ในสภาวะป่า
- พฤติกรรม: งูหลามมีขนาดใหญ่กว่าและอาจแสดงพฤติกรรมดุร้ายได้มากกว่า พวกมันมีแนวโน้มที่จะเป็นสัตว์ที่ดูแลยากกว่าสำหรับคนทั่วไป
การดูแล
- อุณหภูมิ: ต้องการอุณหภูมิกลางวันประมาณ 80-85°F (27-29°C) และจุดร้อนที่ 90-95°F (32-35°C)
- ความชื้น: ความชื้นในตู้เลี้ยงควรอยู่ระหว่าง 50-70%
- อาหาร: กินสัตว์ขนาดใหญ่ขึ้นได้เมื่อโตเต็มที่, เช่น หนูตะเภา, กระต่าย, หรือแม้แต่สัตว์ขนาดใหญ่อื่นๆ
- งูบอล: มีสีสันและลวดลายที่หลากหลายจากการผสมพันธุ์ในการเลี้ยง, เป็นที่นิยมในหมู่ผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพราะดูแลง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น
- งูหลาม: การเลี้ยงจำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจมากกว่าเนื่องจากขนาดที่ใหญ่และความต้องการพื้นที่ในการอยู่อาศัย, กฎหมายในบางประเทศอาจจำกัดการเลี้ยงงูขนาดใหญ่เช่นนี้
5.Green Iguana: กิ้งก่าอิกัวน่าเขียว
ลักษณะทางกายภาพ:
- มีสีเขียวเด่นชัด, บางครั้งอาจมีสีสันอื่นผสมอยู่เช่น สีน้ำตาลหรือสีน้ำเงิน
- มีเหนี่ยงหรือแผ่นหนังใต้คางที่สามารถขยายใหญ่ขึ้นได้เมื่อรู้สึกขู่หรือต้องการสื่อสาร
- มีแผงหนามตั้งแต่คอไปจนถึงหาง
- ขนาดโตเต็มวัยสามารถยาวได้ถึง 1.5 เมตรหรือมากกว่า โดยที่ตัวผู้มักจะใหญ่กว่าตัวเมีย
- เป็นสัตว์ที่ชอบปีนป่ายและอาศัยอยู่บนต้นไม้สูง
- เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังสายพันธุ์ที่เลือดเย็น จึงต้องการแสงแดดเพื่อควบคุมอุณหภูมิร่างกาย
- อาหารหลักคือพืช, ใบไม้, ดอกไม้ และผลไม้ แต่ก็อาจกินแมลงหรือสัตว์เล็กๆ ได้เมื่อยังเด็ก
การดูแลเป็นสัตว์เลี้ยง:
- ต้องการกรงหรือตู้เลี้ยงขนาดใหญ่ที่มีระบบการปีนป่าย
- ความชื้นในตู้เลี้ยงต้องสูง เพราะจิ้งเหลนเขียวมาจากถิ่นที่อยู่อาศัยที่มีความชื้นสูง
- ต้องการแสง UVB และ UVA เพื่อการสังเคราะห์วิตามิน D3 สำหรับสุขภาพกระดูก
- มีความต้องการอาหารที่หลากหลายและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย:
- การขาดแคลเซียมหรือวิตามิน D3 ทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อน (Metabolic Bone Disease)
- ปัญหาทางเดินหายใจจากความชื้นที่ไม่เหมาะสม
- ปัญหาทางผิวหนังจากการขาดความชื้นหรือการติดเชื้อ
ความนิยม:
- เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความสวยงาม, มีสายพันธุ์ที่หลากหลายให้เลือก แต่ก็ต้องการการดูแลที่เข้มข้นและความรู้ในการเลี้ยงดูที่มาก
ถิ่นกำเนิด
- เม็กซิโก: ทางตอนใต้ของประเทศ
- อเมริกากลาง: รวมถึงประเทศเช่น กัวเตมาลา, เบลีซ, ฮอนดูรัส, นิการากัว, คอสตาริกา, ปานามา
- แคริบเบียน: พบทั่วไปในหมู่เกาะต่างๆ เช่น ปวยร์โตรีโก, หมู่เกาะเวอร์จิน, คิวบา, จาไมก้า, ฮิสปานิโอลา (แบ่งปันระหว่างเฮติและสาธารณรัฐโดมินิกัน), และอื่นๆ อีกมากมาย
- อเมริกาใต้: พบได้ในหลายประเทศ รวมถึง โคลอมเบีย, เวเนซุเอลา, กายอานา, ซูรินาม, เฟรนช์เกียนา, เอกวาดอร์, เปรู, โบลิเวีย, ปารากวัย, บราซิล, อาร์เจนตินา
กิ้งก่าอิกัวน่าเขียวเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่าสนใจแต่ต้องการการดูแลอย่างเหมาะสมเพื่อให้มันมีสุขภาพดีและมีชีวิตที่ยืนยาวในการเป็นสัตว์เลี้ยง
6.Sulcata Tortoise: เต่าบกชูคาต้า
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Trachemys scripta elegans
- ลักษณะภายนอก: เต่าชูคาต้ามีลวดลายสวยงามบนเปลือก และมีเปลือกที่มีสีเหลืองและลายเส้นที่โดดเด่น
- ขนาด: เมื่อโตเต็มที่ อาจมีขนาดเปลือกยาวประมาณ 20-30 ซม.
- ตู้เลี้ยง: ต้องการตู้เลี้ยงขนาดใหญ่ที่มีน้ำและพื้นที่ตากแดด ควรมีพื้นที่ให้เต่าขึ้นมาอาบแดดเพื่อสุขภาพกระดูกและเปลือก
- แสงสว่าง: ต้องการแสง UVB เพื่อสังเคราะห์วิตามิน D3 ซึ่งสำคัญต่อการดูดซึมแคลเซียม
- อุณหภูมิ: น้ำควรอยู่ที่ประมาณ 24-26 องศาเซลเซียส และบริเวณอาบแดดควรอยู่ที่ 29-32 องศาเซลเซียส
- อาหาร: เป็นสัตว์กินพืช, อาหารรวมถึงผัก, ผลไม้, และอาหารเม็ดสำหรับเต่าน้ำจืด
- ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย: ปัญหาเกี่ยวกับเปลือก, โรคทางเดินหายใจ, การขาดแคลเซียมที่อาจนำไปสู่โรคกระดูกอ่อน
- เต่าชูคาต้าเป็นสัตว์เลี้ยงที่นิยมเพราะมีราคาไม่แพง, ความน่ารัก, และสามารถดูแลได้ง่ายหากมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเลี้ยงเต่า
- ซาเฮล (Sahel): ซึ่งเป็นแถบดินแดนกึ่งแห้งแล้งที่ทอดตัวอยู่ทางใต้ของทะเลทรายซาฮารา
- เซเนกัล
- มาลี
- บูร์กินาฟาโซ
- ไนจีเรีย
- นิเจอร์
- ชาด
- ซูดาน
- เอธิโอเปีย
- เอริเทรีย
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หน้าร้าน
ตลาดสัตว์เลี้ยง สวนบวกหาด 63/19 ห้อง8
ถนนอารักษ์ ต.พระสิงห์ อ.เมือง
จ.เชียงใหม่ 50200
Tel.084-8047286
เวลาทำการ: 09:00 – 20:30 น.